เราไม่อาจรู้ได้ว่าหนทางข้างหน้ามีอะไรรออยู่ ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี แต่มีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่เรื่องดีๆ จะโปรยเหมือนกลีบกุหลาบ เฝ้ารอให้เราเดินผ่านในแต่ละวัน เหมือนกับการปั่นจักรยานสู่เมืองนากาโตะ
ท่องเที่ยวไปในเมือง นากาโตะ
การปั่นจักรยานวันที่สองในยามากุจิ ได้เริ่มต้นอีกครั้ง หลังจากที่เราได้โหลดอาหารเช้าในโรงแรม Nishi Nagato Resort เป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่จะจากที่นี่ไปเราคงจะทิ้งไปแบบไม่ใยดีคงไม่ได้ วิวของสะพานทสึโนชิมะ ยามเย็นว่าสวยแล้ว แต่เมื่อได้เห็นยาวเช้าก็ตราตรึงไม่แพ้กัน สีเขียวมรกตของน้ำทะเลที่ต้องกับแสงแดดสดใสในยามเช้า ท่ามกลางอุณหภูมิสิบกว่าองศา มันพาใจให้เบิกบานสดชื่น ราวกับว่าวันดีๆ กำลังรอเราอยู่
ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่เราเดินทางมาท่องเที่ยวที่ยามากุจินี้จะเป็นวันทำงานตามปกติของคนทั่วไป แต่ถนนหนทางที่เราใช้ปั่นท่องเที่ยว ในเมืองนากาโตะ ก็ยังคงเงียบสงบ จนทำให้เราได้สัมผัสถึงธรรมชาติตลอดสองข้างทางของเมืองนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งเสียงคลื่นและลม รวมถึงนกและเหล่าสัตว์ตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ตามแมกไม้ตลอดสองข้างทาง
นากาโตะ ซ้ายทะเลขวาภูเขา
ถึงแม้เส้นทางปั่นจักรยานในเมืองนากาโตะ สู่จุดหมายหลังมื้อกลางวันของเราคือศาลเจ้าโมโตโนะซึมิ อินาริ จะเต็มไปด้วยเส้นทางปั่นขึ้นลงเนินเขา แต่การที่ปั่นผ่านวิวที่แตกต่าง เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และเต็มไปด้วยความสงบของธรรมชาติ ท่ามกลางอากาศดีๆ มันจึงไม่ใช่สิ่งบั่นทอนความสุข แต่กลับเป็นตัวรั้งให้เราได้อิ่มเอมกับช่วงเวลาเหล่านั้นได้อย่างเพลิดเพลิน ถึงแม้จะมีโอกาสปั่นจักรยานท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาหลายเมือง แต่สำหรับยามากุจิ ให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจที่ได้มาปั่นจักรยานท่องเที่ยวที่นี่อย่างบอกไม่ถูก
มือกลางวันอันแสนอบอุ่น
ตลอดเส้นทางที่เราปั่นจากโรงแรม บนถนนเลาะเลียบทะเลของเมืองนากาโตะมาเรื่อยๆ เราแทบไม่เจอร้านสะดวกซื้อเลย เวลาปั่นผ่านชุมชนก็มีร้านอาหารพื้นบ้านบ้าง แต่ร้านที่ทีมงานการท่องเที่ยวของยามากุจิและ Octo Cycling ไปทานนั้นมีความโลคัลและอบอุ่นราวกับแวะไปกินอาหารบ้านเพื่อน ร้านตั้งอยู่บนเนินเขา และมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอยู่เบื่องหน้า และมีนาขั้นบันไดที่ปลูกลดหลั่นกันไปตามแนวเขา ที่เบื้องล่างคือทะเล ซึ่งเป็นทำเลที่สวยงามและเป็นไฮไลท์ในการแวะถ่ายภาพแห่งหนึ่ง สำหรับคนที่ผ่านมาย่านนี้
คลิก เพื่อดูคลิปบรรยากาศของร้านนี้
ผมเชื่อว่าความอร่อยของอาหารมื้อนี้ไม่ได้มาจากความเหนื่อยแน่ๆ เพราะแค่รสชาติของข้าวปั้นที่ทานคู่กับบ้วยก็อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะด้วยเพราะคุณภาพของข้าวที่หุงจากนาของตัวเอง และกับข้าว บางอย่างที่ผมจำชื่อไม่ได้ มีรสชาติคล้ายแกงส้มบ้านเรา มีจะมีความใสละมุนกว่าและไม่มีรสเผ็ด ที่สำคัญยังอุดมไปด้วยเหล่าผักนานาชนิด ปิดท้ายด้วยขนมหวานที่มาในรูปของพุดดิ้งรสส้มมีนมราดมาที่ด้านบนอร่อยชื่นใจ
ศาลเจ้าโมโตโนะซึมิ อินาริ (ศาลเจ้าโยนเหรียญ)
ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้ชำนาญการด้านศาลเจ้า แต่ก็เพิ่งเคยเห็น ประตูโทริอิที่แปลกไม่เหมือนใครแบบนี้เป็นครั้งแรก ประตูโทริอิของที่นี่จะมีทางขึ้นมาจากชายฝั่งทะเล คนส่วนใหญ่จะเดินตามขั้นบันไดจากประตูชายฝั่งขึ้นมาเรื่อยๆ ตามเนินเขา จนถึงด้านบนสุด ซึ่งประตูโทริอิอันสุดท้ายที่อยู่บนเนินเขา จะมีกล่อง 1 ใบตั้งไว้บนขื่อ คนที่เดินขึ้นมาถึงตรงจุดนี้มักจะนำเหรียญมาโยนให้เข้ากล่องกัน
พิชิตยอดเขาเซ็นโจจิกิ
การขึ้นสู่ยอดเขา เซ็นโจจิกิ ถือเป็นไฮไลท์สำคัญจุดหนึ่งของการมาเที่ยวบนเส้นทางนี้ ด้วยความสูงจากน้ำทะเล 333 เมตร และมีวิวที่เปิดโล่งแบบ 360 องศา ด้วยลักษณะยอดเขาแบบตัดด้านบน จึงทำให้มีพื้นที่ทำกิจกรรมได้มากมาย เมื่อมาถึงจุดยอดของเขาลูกนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่คนละแวกนี้จะเดินทาง พาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกัน ที่สำคัญยังอยู่ห่างจากศาลเจ้า โมโตโนะซึมิ อินาริ ไม่ไกลอีกด้วย
Cafe เก๋ๆ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเซ็นโจจิกิ
หนึ่งวันที่สวยงามใน นากาโตะ
ถ้าจะถามตลอดเส้นทางที่ปั่นมาวันนี้ชอบตอนไหนมากที่สุด คงตอบได้ไม่ยากว่าก็ตอนที่ปั่นลงจากเขาเซ็นโจจิกินี่แหละ ที่สนุกที่สุด เพราะตอนขึ้นมามันก็ท้าทายแรงกายอย่างสาหัส ตอนลงไปเลยได้กำไรคืนจากสิ่งที่เราได้ลงทุนไป เส้นทางไหลยาวๆ เข้าสู่พื้นที่ที่เป็นแผ่นดิน บอกลาทะเลสีเขียวมรกตไว้เบื้องหลัง ผ่านเข้าสู่ชุมชนและทุ่งนา ที่ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ
การต้อนรับของซากุระ
แสงแดดของวันที่แสนสุข เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เรายังคงปั่นยานไปตามถนนที่ทอดยาว ผ่านทุ่งนา ทิวเขา เข้าสู่ย่านเมืองชนบท ที่บ้านเรือนไม่แออัดนัก และมีพื้นที่ทำการเกษตรค่อนข้างมาก ภายใต้การโอบล้อมด้วย ป่า ขุนเขา และธรรมชาติที่สวยงาม แสงแดดเริ่มน้อยลงทุกที เรามีเวลาอีกเพียง 1 ชั่วโมงก่อนที่พระอาทิตย์จะดับแสง และโรงแรมก็รอยู่อีกไม่ไกล เราตั้งใจมาทริปนี้โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นดอกซากุระ แต่มันคงเป็นความโอบอ้อมอารีของเมืองยามากุจิ ที่อยากให้เราได้เห็นความสวยงามของเมืองนี้ และกลับไปด้วยความประทับใจ
บนถนนเลียบแม่น้ำสายหนึ่ง ซึ่งอยู่นอกเส้นทางที่เราจะไป มันดึงดูดให้เราหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ และตรึงพวกเราไว้ตรงนั้น สำหรับคนญี่ปุ่นเขาคงจะงงว่าเราหยุดกันทำไม แต่สำหรับพวกเรา ณ จุดนั้น มันตรึงตราเกินกว่าที่จะปล่อยผ่านไปได้ แม่น้ำใสกระจ่างจนมองเห็นปลาที่อยู่เบื้องล่าง สองข้างของแม่น้ำถูกทำเป็นลาน ทั้งจอดรถได้ และมีพื้นที่กิจกรรม แต่สิ่งที่ทำให้เราต้องหยุด คือเหล่าต้นซากุระที่เรียงรายทอดยาว ไปตลอดลำน้ำ ซึ่งกำลังผลิดอกสีขาวอมชมพู แค่ยืนดูก็รู้สึกมีความสุข
มันช่างเป็นหนึ่งวันแห่งความทรงจำที่คุ้มค่า กับการปั่นจักรยานบนเส้นทางของเมืองนากาโตะ ธรรมชาติหลากหลายและสวยงามของเมืองนี้ ยังมีมากมายรอให้เราได้ออกไปค้นหาในแต่ละวัน ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะสิ้นแสงของวัน เราบอกลาต้นซากุระเหล่านั้นโดยไม่ได้หวังว่า จะได้เห็นต้นซากุระมากมาย และสวยงามเช่นนี้อีกแล้ว การได้มาแวะที่นี่ มันทำให้การเดินทางท่องเที่ยววันนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นในความรู้สึกของผม และทันทีที่เราปั่นจักรยานมาถึงโรงแรม Yamamura Bekkan ที่พักในเขตฟุกะวายุโมโตะ แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ก็ลับลาไปตรงหลังภูเขาที่อยู่ทางด้านข้างของโรงแรมพอดี
คงจะมีไม่กี่ครั้งชีวิตที่เราจะได้รับประสบการณ์การเดินทางที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ วัน ทั้งสภาพอากาศที่ดี เส้นทางที่สวยปลอดภัย และอาหารที่อร่อย และหนึ่งวันดีๆ บนเส้นทางนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีผู้จัดการเส้นทางการท่องเที่ยวมืออาชีพอย่าง บริษัท Octo Cycling ผู้จัดการเดินทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวยามากุจิในครั้งนี้
สนับสนุนการเดินทางโดย
การท่องเที่ยวจังหวัด Yamaguchi
บริษัททัวร์จักรยาน Octo Cycling