หลังจากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ออกแคมเปญชวนคนไทยออกไปเที่ยวเมืองรอง บริษัท Octo Cycling ผู้ชำนาญการพาคนไปเที่ยวด้วยจักรยาน ทั้งในและต่างประเทศ จึงได้ออกไปค้นหาเส้นทางพาผมและพี่ๆ อีกหลายคนออกไปค้นหาเสน่ห์เมืองรองที่เราอาจจะมองข้ามไป และจุดหมายของเราในครั้งนี้คือจังหวัดตรัง
พอได้ยินชื่อจังหวัดตรัง ในหัวผมมีแค่สองอย่างที่ผุดขึ้นมา คือ หมูย่างเมืองตรัง กับชื่อของคุณชวน หลีกภัย นอกจาก 2 อย่างนี้แล้ว จังหวัดตรังไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมการเดินทางของผมเลย และไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเมืองนี้มีอะไรให้ไปเที่ยวไปค้นหาบ้าง และนั่นจึงทำให้การออกไปปั่นจักรยานเที่ยวเมืองตรัง จึงเป็นการเดินทางที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับผม
ภาพและเนื้อหาเป็นทริปเดินทางเมื่อ 23 – 25 มิถุนายน 2561
ของกินเมืองตรัง
ก่อนจะเริ่มเคลื่อนทัพ ต้องรับประทานอาหารให้อิ่มท้อง หลังจากเครื่องบินแตะลงสู่รันเวย์ เราก็ขนสัมภาระไปขึ้นรถที่ทาง Octo Cycling จัดเตรียมไว้ให้ พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปั่นจักรยานเพื่อออกเดินทางสู่ร้านอาหารขึ้นชื่อของเมืองตรัง ทั้งของคาวของหวาน มันต้องเติมให้เต็ม ก่อนมุ่งหน้าสู่ปากเมง โดยร้านที่เราแวะทานอาหารเช้าก็คือร้านตรังหมูย่าง ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านดังขึ้นชื่อของเมืองนี้
ว่ากันว่าเมืองตรังเป็นเมืองช่างกิน แขกไปใครมาต้องหาอาหารทานได้ทุกเวลาไม่ขาด ด้วยวัฒนธรรมผสมผสานไทยจีน คนเมืองนี้จึงมักทานอาหารเช้าเป็นติ่มซำ มิหนำซ้ำเมื่อครั้งอดีต คนเปอร์เซียที่ออกเดินทางผ่านทะเลก็แวะมาขึ้นบกที่นี่ คนจีนดื่มน้ำชา คนเปอร์เซียกินโรตี วัฒนธรรมน้ำชาและโรตี จึงได้เกิดการหลอมรวมขึ้น มาเมืองนี้จึงมีอาหารหลากหลายให้ได้เลือกลิ้มลอง และก่อนออกเดินทางสู่ปากเมง เราก็ไม่พลาดที่จะแวะสั่งของฝากร้านดังกันตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่ร้าน ขนมเปี๊ยะ ซอย 9 มาเยือนถึงถิ่นผลิต ทางร้านก็จัดเต็มให้ลองให้ชิมทุกไส้แบบไม่หวง ทำกันสดใหม่ ได้ลิ้มความอร่อยที่เค้าบอกต่อกันมาเรียกได้ว่าไม่ผิดหวังจริงๆ เพิ่งปั่นจักรยานได้ไม่เท่าไหร่ ก็ได้สัมผัสวัฒนธรรมอาหารแบบคนตรังอย่างลึกซึ้งซะแล้ว
ออกเดินทางสู่ปากเมง
เมื่อพื้นที่ว่างภายในท้องถูกจับจองด้วยอาหารเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็มีแรงพร้อมจะออกเดินทางไปสัมผัสความงดงามของเมืองตรัง ปั่นผ่านเมืองอยู่เพียงไม่กี่นาที พอรู้ตัวอีกทีวิวแวดล้อมรอบตัวก็เต็มไปด้วยต้นไม้ สวนยาง และทิวเขาแล้ว ตอนที่เราปั่นผ่านชุมชนผู้คนเมืองตรัง มันมีบางอย่างที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความน่ารักของคนเมืองนี้ เป็นเมืองที่ทำให้เราไม่รู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เพราะบ่อยครั้งที่เราปั่นจักรยานผ่านคุณลุง คุณป้า ที่อยู่ริมทาง เรามักจะได้ยินเสียงตะโกนถามตามหลังมาว่า “ไป่หนาย” ซึ่งเพียงแค่คำทักทายสั้นๆ มันก็ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความน่ารักของคนตรัง
ถึงแม้ว่าผมจะปั่นจักรยานท่องเที่ยวยังไม่ทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทย แต่หากจะให้จัดอันดับ จังหวัดที่คนใช้ถนนเป็นมิตรกับจักรยานมากที่สุดในเมืองไทย ตรังคือหนึ่งในจังหวัดนั้นที่ผมอยากจะใส่ชื่อไว้ ตลอดหลายวันที่เราปั่นจักรยานเที่ยวที่นี่ ไม่มีสักครั้งที่เราจะเจอรถรีบปาดหน้าออกจากซอย ทั้งๆ ที่ถนนว่างให้เหยียบสัก 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ได้ ซึ่งมันต่างจากเมืองที่ผมใช้ชีวิตอยู่มาก ยอมปาดหน้าจักรยานออกจากซอย เพื่อมาจอดต่อท้ายรถยนต์ที่จอดอยู่เต็มถนนอย่างไม่รู้สึกละอายใจ
ถนนที่เราปั่นออกจากเมืองตรังสู่ปากเมง เต็มไปด้วยต้นไม้และทิวเขา ถนนเรียบรถน้อย มีเนินให้ขึ้นลงเป็นระยะ ช่วงเวลาที่เรามาปั่นจักรยานเที่ยวที่นี่เดือนมิถุนายน ถือว่าอากาศกำลังดี ไม่มีฝน และแดดก็ไม่ร้อนเกินไป ยิ่งตอนที่ได้ปั่นจักรยานผ่านสวนยาง มันสัมผัสได้ถึงไอเย็นเล็กๆ ที่ออกมาจากต้นไม้ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลากลางวันที่มีไอร้อนจากแสงแดดบ้าง
ขึ้นบ้าง ลงบ้าง มันคือธรรมชาติของการเดินทางท่องเที่ยวด้วยจักรยาน เช่นเดียวกับชีวิตที่มีขึ้นมีลง
ปากเมงยามเย็น
หลังจากปั่นจักรยานมาจากเมืองตรังประมาณ 50 กว่ากิโลเมตร เราก็เดินทางมาถึงปากเมง ในตอนที่แสงของดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยลงเข้าสู่ยามเย็น เนื่องจากคงจะเพราะเป็นวันธรรดา ผู้คนที่มาเที่ยวที่นี่จึงไม่หนาตานัก เราปั่นจักรยานไปตามถนนที่เลียบเลาะไปตามชายหาด มุ่งหน้าสู่ที่พักของเราคืนแรกคือโรงแรมปากเมงรีสอร์ท
ซึ่งที่นี่มีห้องพักค่อนข้างมาก และเพียงแค่ข้ามถนนเราก็ได้ยลวิวทะเลอันดามันแล้ว เวลาไปเที่ยวทะเลหนึ่งในภาพที่เราคาดหวังจะได้เห็นก็คงเป็นภาพดวงอาทิตย์ยามเย็น ทอแสงสีเหลืองทองทั่วท้องฟ้า เพื่อส่งพลังอบอุ่นสุดท้ายก่อนสิ้นวัน และโชคดีที่การมาเที่ยวทะเลอันดามัน ทำให้เราได้เห็นภาพนั้น เป็นความประทับใจสุดท้ายในวันแรกที่มาถึงจังหวัดตรังก่อนที่วันใหม่จะเริ่มต้นขึ้น
ปากเมงยามเช้า
การที่ได้ปั่นจักรยานมานอนที่ปากเมง ถือเป็นหนึ่งคืนที่เงียบสงบ และนอนพักอย่างเต็มอิ่ม ตอนที่เรามาถึงที่นี่เราไม่มีโอกาสได้เห็นปากเมงอย่างเต็มตานัก แต่ปากเมงในยามเช้า มันชวนให้เรารู้สึกสดใส ถึงแม้จะต้องกล่าวคำอำลาไป ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าในโทนอ่อน มันทำให้เรารู้สึกได้ว่า การปั่นจักรยานเดินทางไปสู่ที่พักใหม่ในวันนี้เราคงจะไม่ต้องเจอกับแดดที่ร้อนแรงนัก
เราตื่นเช้าพอที่จะทันได้เห็น ชีวิตเล็กๆ อีกมุมหนึ่งของคนปากเมง ได้เห็นเด็กชายที่ออกมาช่วยครอบครัวหาปลา ได้เห็นคุณตาที่ตื่นแต่เช้ามาเดินหาหอย ได้เห็นชีวิตที่ไม่วุ่นวายและเร่งรีบ และได้เห็นว่าไม่ใช่แค่พวกเราที่ตื่นแต่เช้ามาปั่นจักรยาน เพราะถนนแบบนี้ วิวแบบนี้ ถ้าผมมีบ้านอยู่แถวนี้ ผมก็คงจะอดไม่ได้ที่จะเอาจักรยานออกมาปั่นเช่นกัน ภาพสุดท้ายของหาดปากเมงได้ลับหายจากสายตาเราไปเมื่อปั่นจักรยานเข้าสู่อุโมงค์ต้นสน ที่เต็มไปด้วยต้นสนสูงใหญ่จำนวนมากมาย ขึ้นอัดแน่นกันตลอดสองข้างทางอย่างงดงาม ถึงแม้ระยะทางจะไม่ไกลมาก แต่การได้ปั่นจักรยานบนถนนที่ถูกโอบล้อมห่อหุ้มด้วยต้นไม้หนาเช่นนี้ มันก็มีความสุขไม่ใช่น้อย
ปั่นเที่ยวกันตัง
จุดหมายปลายทางของเราวันนี้ คือการปั่นจักรยานกลับไปนอนที่ในเมือง สำหรับทริปแบบ 3 วัน 2 คืนมันก็จะประมาณนี้ เส้นทางที่เราใช้ปั่นกลับเมืองจะเป็นคนละทางกับวันที่เราปั่นมา เพราะว่าจุดหมายที่เราจะไปแวะระหว่างทางคือเมืองกันตัง เมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย และมีสถานีรถไฟจุดสุดท้ายสู่อันดามัน ที่ยังคงไว้ซึ่งความสวยงามแบบคลาสสิค ต่อสู้กับกับการเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป เส้นทางปั่นจากปากเมงสู่กันตัง เป็นเส้นทางที่เราปั่นอย่างมีความสุข เพราะถนนค่อนข้างดี และมีรถยนต์วิ่งน้อยมากๆ ทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม โดยที่ไม่ต้องกังวลกับสิ่งใด ถึงแม้จะต้องปั่นขึ้นลงเนินเขาบ้าง แต่มองไปทางไหนก็เห็นต้นไม้โอบล้อม มันทำให้รู้สึกสบายใจ
ถึงแล้วกันตัง
หลังจากปั่นจักรยานมาค่อนวัน พอเข้าเมืองกันตัง เราก็เลือกร้านดังเป็นที่ฝากท้องซึ่งครั้งนี้เราไปฝากท้องกันที่ ร้านล่อคุ้ง ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องก๋วยเตี๋ยวราดหน้า โดยเฉพาะราดหน้าทะเลที่เสิร์ฟพร้อมสัตว์ทะเลแบบสดใหม่ ทั้งกุ้งตัวใหญ่ หมึกเด้งๆ และเนื้อปูที่โรยมาให้แบบไม่มีเหนียมอาย
พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี
เมื่อหนังท้องตึงก็ถึงเวลาออกปั่น จากร้านที่เราทานข้าวไม่ไกลเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้นที่สัมผัสได้ถึงความเป็นบ้านของคหบดี ภายในบ้านมีรูปปั้นของพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี และข้าวของเครื่องใช้มากมาย จัดแสดงไว้ตามห้องต่างๆ เพื่อเป็นอนุสรแด่ท่าน และเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
สถานีรถไฟกันตัง
สถานีรถไฟกันตัง คือสถานีรถไฟสุดท้ายของทางรถไฟสายใต้สู่อันดามัน ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2456 ในอดีตสถานีรถไฟแห่งนี้เป็นจุดรับส่งสินค้าจากต่างประเทศอย่างเช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ตัวอาคารยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 โดยตัวอาคารเป็นทรงปั้นหยา ทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับกับสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีที่คุ้นตาสำหรับสถานีรถไฟแบบเก่าที่เราเคยเห็นกันมา ถ้าเดินถ่ายรูปที่สถานีรถไฟแห่งนี้จนเหนื่อยแล้ว ไม่ไกลจากตัวสถานีมีร้านกาแฟเก๋ๆ ชื่อสถานีรักตั้งอยู่บนพื้นที่ติดชานชาลาด้วย
สถานีรัก
เข้าสู่เมืองตรัง
สตรีทอาร์ทเมืองตรัง
มาถึงเมืองตรัง ถ้ายังไม่ได้แวะถ่ายรูปกับภาพวาดสตรีทอาร์ทสวยๆ ที่กระจายอยู่ในเมืองเหมือนยังมาไม่ถึง โดยผลงานภาพวาดสตรีทอาร์ทเหล่านี้กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ในเมือง ซึ่งเราก็ได้แวะไปเก็บมา 2 ที่ด้วยกัน
ภาพวาดดอกศรีตรัง
เป็นภาพวาดบนผนังข้างร้านแว่นท็อปเจริญ ปากซอยไทรงาม ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับตึกสวยๆ ของร้านสิริบรรณ
ภาพวาดถ้ำมรกต
ภาพเขียนถ้ำมรกต อยู่บนผนังของบ้านเลขที่ 17 ของตึกสไตล์ชิโนโปตุกีส ใกล้สี่แยกท่ากลาง ถนนราชดำเนิน
โบสถ์คริสตรัง
อีกหนึ่งสถานที่ที่ดึงดูดสายตาให้น่าแวะเข้าไปถ่ายรูปเมื่อปั่นจักรยานผ่านก็คือ โบสถ์คริสตรังหลังนี้ซึ่งดูจากสถาปัตยกรรมและสีสรรของตัวอาคารแล้ว ก็สัมผัสได้ถึงความเก่าแก่ จนเราอยากจะเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆ ซึ่งโบสถ์หลังนี้ก็มีอายุ 103 ปีแล้ว เพราะสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1915 เดิมทีตรงหอระฆังของโบสถ์นี้เตี้ยกว่าในภาพที่เห็น แต่เพราะเสียงของระฆังที่กังวาลมากเกินไป จึงได้มีการต่อเติมหอระฆังให้สูงขึ้น ดังจะเห็นได้อย่างในปัจจุบัน
ร้านจักรยาน Happy Wheels Trang
ห่างจากโบสถ์คริสไม่ไกล ในฝั่งเดียวกันระยะทางแบบที่จูงจักรยานเดินมาอีกนิด ก็จะพบกับร้านจักรยาน Happy Wheels Trang ร้านจักรยานที่ขายอุปกรณ์จักรยานครบครัน อัดแน่นในแบบที่ว่าขาดเหลืออะไร ก็น่าจะมีให้บริการแบบไม่พลาด อีกทั้งที่ร้านยังมีบริการเซอร์วิสจักรยานด้วย หรือถ้าปั่นจักรยานมาร้อนๆ เหนื่อยๆ ที่ร้านนี้ก็มีเมนูเด็ดๆ ที่สามารถดื่มได้อย่างชื่นใจคลายร้อนไว้แนะนำด้วยเช่นกัน
ปั่นเที่ยวนาหมื่นศรี เมืองตรัง
ในช่วงเวลาก่อนที่เราจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เราใช้เวลาช่วงเช้าที่มีก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินในยามเย็น หยิบจักรยานออกไปหาอาหารเช้าแบบคนตรังเค้ารับประทานกันในเมือง หลังจากอิ่มท้องก็ใช้เวลาที่เหลือในวันสุดท้ายในจังหวัดตรังให้มีค่า โดยการปั่นจักรยานไปเที่ยว ตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง ซึ่งเราใช้เวลาไม่นานก็ปั่นพ้นออกจากเมืองสู่เส้นทางที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอีกครั้ง
ต่อให้ปั่นไปแบบไม่มีจุดหมาย แต่การได้มาเห็นธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้ ถนนโล่งๆ ปั่นขึ้นลงเขา ให้เหงื่อได้ไหลซึมบ้าง มันก็ทำให้เรารู้สึกสนุกและมีความสุขกับช่วงเวลาเหล่านั้นไม่ใช่น้อย เราได้แวะหยุดพักที่ร้านกาแฟเก๋ๆ ริมทางร้านหนึ่ง ชื่อภูหลวงลูกลม ที่ร้านนี้นอกจากมีเครื่องดื่มขาย ยังมีข้าวแกงไว้บริการด้วย ตัวร้านทำด้วยไม้ ดูไม่หรูหราอะไร แต่ว่าวิวที่แวดล้อมร้านนั้น ร้านกาแฟค่าเช่าหลักหมื่นแสนในเมืองก็ยังหาแบบนี้ไม่ได้ ภาพที่เราเห็นหลังแก้วกาแฟที่มองออกไปเป็นผืนนากว้างขวาง และมีฉากหลังเป็นเขาน้อยใหญ่เรียงรายโอบล้อมสวยงาม ฝูงนกที่มาหากินสัตว์ต่างๆ ในผืนนาบินโผไปมาอย่างรื่นรมย์
ในเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยว มากมายที่น่าปั่นน่าไป ด้วยจักรยานอีกมาก ปั่นจักรยานท่องเที่ยว สายตาไม่ได้จับจ้องอยู่กับตัวเลขบนตัวไมล์ แต่สายตาและหัวใจเราจะอยู่กับเรื่องราวระหว่างทาง ยิ่งได้ไปในจังหวัดที่มีผู้คนที่มีจิตสำนึก มีน้ำใจ เพียงแค่รอยยิ้มและคำทักทาย มันก็ช่วยสลัดความเหนื่อยทิ้งไปได้มากมาย และคนไทยหลายจังหวัดก็เป็นเช่นนั้น มันจึงเป็นสเน่ห์สำคัญที่เมื่อใครได้มาเที่ยวก็รักเมืองไทย และจังหวัดตรังก็คือหนึ่งในจังหวัดที่น่าออกมาเที่ยวด้วยจักรยาน
ขอขอบคุณเส้นทางการท่องเที่ยวที่สนุกและประทับใจจาก Octo Cyling บริษัททัวร์ที่รู้จริงเรื่องการท่องเที่ยวด้วยจักรยาน