ผ่านไป 2 ปี หลังจากที่เคยมาสำรวจเส้นทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวที่เสียมราฐ กลับมาคราวนี้ ความรู้สึกที่เคยถามตัวเองว่า “กู..มาทำไมวะ” กลายเป็น “เออ..มันเจ๋งวะ” เกิดขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมืองที่มาเที่ยวอย่างไม่คาดหวัง กับสร้างความประทับใจได้มากมายแบบที่ไม่คาดฝัน ไม่ผิดหวังกับเส้นทางนี้ ที่ Octo Cycling จัดให้เรามาได้ปั่นท่องเที่ยว เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอำนาจทางสังคมที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้

ความทันสมัยในความคงเดิม
เสียมราฐ เมืองที่การท่องเที่ยว คือแรงขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเมือง ถึงแม้ว่าถนนหนทางจะเจริญแบบกระจุกตัวอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยฝุ่น แต่ร้านอาหารและโรงแรมในเมืองนี้ ดีไม่แพ้ที่ไหนในโลก คุณสามารถหาร้านกาแฟเก๋ๆ หรือแม้แต่โรงแรมดีๆ นอนได้ในราคาไม่สูงแบบโอเวอร์ เป็นการอยู่ร่วมกันของความเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว
Temple Coffee n Bakery คือหนึ่งในร้านที่มีสไตล์ของตัวเองและมีหลายสาขา
Temple Coffee n Bakery
Temple Coffee n Bakery เป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่ผมพบในเมืองเสียมราฐมากกว่า 1 แห่ง และแต่ละแห่งก็มีสไตล์การแต่งร้านที่แตกต่างกัน เรียกได้ว่าพร้อพของร้าน โปรดักชั่นร้านมาเต็มเลยทีเดียว ไม่น่าว่าน่าอาจจะเป็น Starbucks ของคนกัมพูชาก็ว่าได้ เห็นบางคนบอกว่าที่นี่กลางวันเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ ส่วนกลางคืนกลายร่างเป็นกึ่งผับ
เตรียมพร้อมก่อนออกเที่ยว เสียมราฐ
มาเที่ยวเสียมราฐทั้งที ก่อนที่คิดจะไปเที่ยวไหนสิ่งแรกที่ควรต้องทำเลยคือการมาซื้อบัตร ANGKOR PASS ที่ Angkor Wat Ticket Counters เพราะถ้าไม่มีบัตรนี้ เราก็แทบที่จะเข้าไปเที่ยวชมวัดที่ไหนไม่ได้เลย โดยเฉพาะ ANGKOR WAT ซึ่งทริปนี้เราซื้อบัตรแบบ 1 วัน ราคา 37 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการมาเที่ยวที่เสียมราฐ อาจไม่จำเป็นเป็นต้องแลกเงินเรียลมาก็ได้ เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ยอมรับเงิน ดอลลาร์และเงินไทย แต่เวลาทอนอาจจะได้เงินทอนเป็นเงินเรียล ควรตรวจนับและเช็คค่าเงินให้ดีเสียก่อนเวลาที่จับจ่าย

ANGKOR PASS ค่อนข้างจำเป็นเพราะเวลาที่ไปเที่ยววัดแต่ละที่จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตลอด บางทีตามถนนตามซอยบางแห่งก็มีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจ ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากโบราณสถานมากๆ ตัวบัตรจะเป็นกระดาษ มีรูปเรามีวันที่ที่ใช้ได้และวันหมดอายุ ควรเก็บรักษาให้ดี สำหรับ ANGKOR PASS นั้นไปทำแล้วใช่ว่าจะได้รรับบัตรเลย ทำวันนี้พรุ่งนี้ถึงกลับมารับได้ ดังนั้นวันที่จะใช้ ANGKOR PASS จะต้องวางแผนเที่ยวพวกปราสาทพวกวัดให้คุ้ม ส่วนวันที่ไม่ใช้บัตรก็หาที่เที่ยวตามแหล่งอื่นๆ ซึ่งทริปนี้ก็ถือได้ว่า Octo Cycling จัดวางโปรแกรมให้พวกเราไว้ได้อย่างลงตัว

ปั่นเที่ยวชม พนมกรอม
หลังจากนำกระเป๋าเข้าที่พักในโรงแรม Lub-D เรียบร้อยแล้ว เราก็แต่งตัวเพื่อเตรียมพร้อมไปปั่นจักรยานเที่ยวเสียมราฐยามเย็นกัน ซึ่งจักรยานที่เราใช้ในทริปนี้เป็นจักรยาน MTB ที่ทาง Octo Cycling ติดต่อเช่าจากร้านในเสียมราฐ สภาพจากจักรยานโดยรวมถือว่าเป็นจักรยานเช่าที่มีคุณภาพใช้ได้เลย ถ้าหากอยากมาเที่ยวเสียมราฐด้วยการปั่นจักรยาน มาเช่าเอาที่นี่ก็สะดวกดีครับ อีกทั้งถนนส่วนใหญ่เมื่อออกไปจากตัวเมืองแล้ว จะไม่ค่อยดีนัก การใช้จักรยาน MTB จึงเหมาะสมกว่า

ในทริปนี้เรามีไกด์ท้องถิ่นเป็นผู้นำทาง ซึ่งผมเคยพบกับพี่ท่านนี้เมื่อ 2 ปีก่อนตอนมาปั่นจักรยานสำรวจเสียมราฐด้วยกัน ตอนนั้นแกยังปั่นจักรยานไม่เก่งเท่าตอนนี้ จำได้ว่าแค่จบวันแรกแกก็บ่นว่าเจ็บก้นจะแย่ แต่การพบกันอีกครั้งราวกับคนใหม่ นอกจากภาษาไทยที่แข็งแรงของแก ที่ศึกษาจบมาจากเมืองไทยแล้ว ความเข้าใจความต้องการของลูกค้ายังถือได้ว่าเลอเลิศมากๆ

พี่สุธี ไกด์ท้องถิ่น พาเราปั่นจักรยานออกจากโรงแรม ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ที่ถนนส่วนใหญ่จะเป็นทางแดงที่เต็มไปด้วยฝุ่น เลาะเลียบลำคลองเล็กๆ ไปตามถนนชุมชน ที่มีรถยนต์สัญจรไม่มากนัก ถึงแม้ว่าถนนในเมืองเสียมราฐจะยังไม่ใช้ถนนลาดยาง แต่ว่าการปั่นจักรยานในเมืองนี้ก็ยังรู้สึกปลอดภัยอยู่พอสมควร ด้วยการควบคุมความเร็ว ถึงแม้จะปั่นจักรยานบนถนนหลักก็ยังไม่รู้สึกว่าอันตรายมากนักถึงแม้ว่าไหล่ทางจะไม่สมบูรณ์และกว้างแบบเมืองไทย
ปราสาทพนมกรอม

พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ทรงสร้างปราสาทนี้เพื่ออุทิศถวายแก่เทพทั้ง 3 ในศาสนาฮินดู หรือตรีมูรติ ได้แก่ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม ปราสาททั้งสามสร้างจากอิฐบนฐานเดียวกันในแนวเหนือ-ใต้ ตัวปราสาทสร้างอยู่บนยอดเขาพนมกรอม มีความสูง 140 เมตร
ปราสาทปรางค์ประธานมีขนาดใหญ่กว่าปราสาททั้งสองข้างสร้างถวายแด่พระศิวะ ปราสาททิศเหนือสร้างเพื่อถวายแด่พระวิษณุ และปราสาททางทิศใต้สร้างถวายแด่พระพระพรหม เดิมเคยมีปราสาทหลังเล็กๆ อยู่รอบบริเวณนี้อีก 10 ปราสาท ปัจจุบันพังไปหมดแล้ว
ภาพของพนมกรอม เมื่อมองจากด้านล่างก็ไม่สูงมากนัก
ก่อนที่เราจะปั่นจักรยานขึ้นสู่ยอดเขาพนมกรอมที่มีความสูง 140 เมตร เราได้มีโอกาสปั่นจักรยานเที่ยวพื้นที่รอบๆ เชิงเขา ซึ่งเป็นภูเขาที่มีรอบฐานไม่กว้างนัก จึงให้เส้นทางที่จะปั่นขึ้นไปมีความชันอยู่พอสมควร ทั้งเรียกเหงื่อและท้าทายแรงกายของพวกเราไม่ใช่น้อย ในการที่จะปั่นจักรยานขึ้นไป หนุ่มสาวถ้องถิ่นหลายคู่ รวมถึงบรรดานักท่องเที่ยว ต่างปั่นจักรยานหรือไม่ก็ขับมอเตอร์ไซค์ มาที่นี่เพื่อชมแสงสุดท้าย
เมื่อดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำ ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องปั่นขึ้นสู่ยอดเขากันแล้ว ถึงแม้จะดูจากข้างล่างพนมกรอมจะเป็นภูเขาที่ไม่สูงมากก็ตาม แต่ทางขึ้นก็ถือว่าชันใช้ได้เลย โชคดีที่ระยะทางในการปั่นขึ้นนั้นไม่ไกลมากจนเกินไป เราขึ้นไปจนถึงยอด เดินผ่านตัวประสาทไปจะมีทางเดินเล็กๆ ให้ไปดูวิวอีกด้านของภูเขาซึ่งจะมองเห็นโตนเลสาบ และจุดนั้นเองคือจุดที่เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ตก นับได้ว่าเป็นการจบวันแรกที่น่าประทับใจจริงๆ


ตื่นตีสี่ ชมแสงแรกนครวัด

มาเสียมราฐทั้งทีถ้าไม่มาชมนครวัดคงเหมือนมาไม่ถึง และการจะมาชมความสวยงามยามเช้าของนครวัดก็ควรจะมาหาจับจองที่ในการชมตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หลังจากที่มีโอกาสมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่สองครั้ง โดยครั้งแรกนั่งชมอยู่นอกคูน้ำด้านนอกปราสาท กับครั้งนี้พี่สุธี (ไกด์ท้องถิ่น) พาเราเดินเข้าไปจับจองที่ด้านในปราสาท ส่วนตัวผมชอบวิวด้านในมากกว่า เพราะว่าได้เห็นตัวประสาทชัดเจน และพื้นที่ให้เราได้เลือกจุดชมได้หลากหลายไม่เบียดเสียดมากนัก
กว่าพระอาทิตย์จะเคลื่อนคล้อยขึ้นมาเหนือปราสาทก็เป็นเวลาเกือบ 8 โมงแล้ว นับตั้งแต่แสงแรกที่ฉาบฟ้าจากสีน้ำเงินจนเป็นสีแดง และสีทอง เป็นความงดงามและเสน่ห์ที่ชวนมองจนติดตรึงเราให้นั่งเฝ้าดูอยู่นาน จนเมื่อพื้นที่เบื่องหน้าเริ่มสว่าง เห็นวิวต่างๆ บนพื้นที่ เราจึงเริ่มออกเดินชมตามจุดต่างๆ ของปราสาท โดยมีพี่สุธี ไกด์ท้องถิ่นประจำทริปนี้ของเรา เป็นผู้เล่าและอธิบายความเป็นมา ของสถานที่ต่างๆ ที่เราได้ไปเยือน

แปดโมงกว่า วิวรอบๆ ปราสาทก็เริ่มชัดเจนแล้ว
เดินเที่ยวชม ปราสาทนครวัด
ช่วงเวลาที่เหมาะจะถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นเหนือปราสาทจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ราวๆ ตีห้ากว่าๆ เกือบหกโมง จนถึงเวลาประมาณแปดโมงเช้า คือช่วงเวลาที่พระอาทิตย์จะเคลื่อนขึ้นอยู่เหนือปราสาท ซึ่งจะทำให้พื้นที่โดยรอบสว่างพอที่จะเดินเข้าไปชมในตัวปราสาทได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะเริ่มทยอยเดินเข้าไปชมตามจุดต่างๆ ของปราสาทกัน
ปราสาทนครวัด
ปราสาทนครวัด ก่อสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในพุทธศตวรรษที่ 17 (พ.ศ. 1650 – 1693) จุดประสงค์เพื่อสร้างอุทิศถวายแก่พระวิษณุเทพในศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์ และยังใช้เป็นราชสุสานเก็บพระศพของพระองค์ ด้วยเหตุนี้มหาปราสาทนครวัดจึงถูกสร้างให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ต่างจากปราสาทอื่นๆ ที่จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเสียเป็นส่วนใหญ่


ปั่นจักรยานเที่ยว กำแพงนครธม
เป็นความประหลาดใจและตื่นเต้นไม่น้อยที่เห็นเส้นทางปั่นจักรยานเสือภูเขา บนดินแดนประวัติศาสตรแห่งนี้ เส้นทางเล็กๆ ที่ทอดยาวเหนือกำแพงปราสาทที่ด้านหนึ่งคือคูน้ำ อีกด้านถูกต้นไม้ปกคลุมหนาจนเราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่อีกด้านนั้น กิ่งก้านของต้นไม้ แผ่ขยายปกคลุม ให้ร่มเงา ใบไม้แห้งบนพื้นถูกแหวกออกข้างๆจนเป็นเส้นทางนำสายตาเล็กๆ ที่เหลือไว้ให้เราปั่นไปตามนั้น

เราปั่นจักรยานบนทางดินที่ไม่เรียบเท่าไหร่ มีกิ่งไม้เล็กใหญ่โผล่ขึ้นมาบ้าง และเส้นทางก็ไม่ได้ตรงจนหน้าเบื่อ บางครั้งก็ต้องเลี้ยวเลาะผ่านช่องว่างของกำแพงที่มีให้เห็นเรื่อยๆ การได้ปั่นบนเส้นทางแบบนี้ หลังจากที่เดินชมปราสาทนครวัดมา ก็ทำให้เราได้รับความหลากหลายในการเที่ยวสองนครมากขึ้น
ปราสาทบายน
การเดินทางกลับมาเที่ยวเสียมราฐด้วยจักรยานครั้งที่สองนี้ ทำให้ผมเห็นอะไรที่ไม่ได้เห็นอีกมาก และได้เห็นพัฒนาการในการทำงานของไกด์ชาวกัมพูชาที่พาเราไปเที่ยวครั้งนี้ ซึ่งผมมีโอกาสพบกับเค้าเมื่อราวๆ 2 ปีก่อน เค้ามีความเข้าใจในความชอบของคนท่องเที่ยวด้วยจักรยานมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ผมและพี่ๆ ที่มาร่วมทริปนี้ประทับใจมากเป็นพิเศษ เส้นทางแต่ละเส้นที่เค้าพาเราไปปั่น เป็นเส้นทางที่พยายามเลี่ยงถนนใหญ่มากที่สุด พาลัดเลาะเข้าชุมชน หรือแม้แต่เส้นทางปั่นเที่ยวปราสาท ก็เลือกใช้เส้นทางที่ปั่นท่องเที่ยวด้วยจักรยานเสือภูเขาได้อย่างสนุก

จักรยานเสือภูเขาที่ให้เช่าปั่นที่เสียมราฐนับได้ว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าบางประเทศที่ผมเคยเจอมา สมรรถนะถือว่าใช้ได้ดีเลยทีเดียว หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด เราก็ปั่นบนแนวกำแพงเมืองนครธมสู่ปราสาทบายนซึ่งเป็นอีกที่ที่มีสเน่ห์และมีมุมให้ถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างไม่ผิดหวัง ถ้าไปแบบมีคนเล่าเรื่องราวให้ฟังยิ่งสนุกมากขึ้น
ปราสาทตาพรหม
ปราสาทตาพรหมเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่อยู่บนเส้นทางปั่นเที่ยวของเราวันนี้ สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีจากฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง Tomb Rider ที่นำแสดงโดย Angelina Jolie กับฉากติดตาที่เธอกำลังวิ่งตามหาเด็กผู้หญิงตัวน้อย ท่ามกลางปราสาทเก่าที่ถูกปกคลุมด้วยรากของต้นไม้ขนาดใหญ่
ซึ่งการได้มาเห็นสถานที่จริงๆ ก็ทำให้ได้เห็นเสน่ห์ของปราสาทตาพรหม แห่งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากกว่าเรื่องใด คือการได้เห็นเด็กชายชาวกัมพูชา นำผลงานภาพวาดของตัวเอง มานั่งขายอยู่ใต้ต้นไม้ ซึ่งผลงานของเค้าก็ไม่ได้ออกมาแบบชุ่ยๆ เลย แต่ละภาพสะท้อนถึงความตั้งใจในการวาด หรือแม้แต่แพคเก็จในการใส่ภาพวาดที่เค้าขายเรา ก็เป็นงานทำมือที่เก๋ไก๋ จนอดใจที่คณะเราจะแวะอุดหนุนไม่ได้


หมู่บ้านสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก กัมปงพลัวะ
วันสุดท้ายในเสียมราฐ พี่สุธีมารอพวกเราแต่เช้าเพื่อเตรียมปั่นจักรยานทางไกลที่สุดของทริปนี้เพื่อไปทานข้าวที่ร้านอาหารกลางน้ำในมื้อกลางวัน แต่ก่อนจะถึงที่นั่นเราจะต้องไปขึ้นเรือที่หมู่บ้านหนึ่งชื่อ กัมปงพลัวะ เป็นหมู่บ้านที่มีความแตกต่างกว่าหมู่บ้านใดที่เราผ่านมา เพราะที่หมู่บ้านนี้เค้าจะปลูกบ้านไม้ยกสูงมาก ใต้ถุนบ้าน จะบ้างจะมีการปูไม้เป็นชั้นๆ เพื่อเป็นการขยับขยายพื้นที่ใช้สอยของบ้านแต่ละหลัง โดยบางชั้นก็อาจเป็นที่เลี้ยงสัตว์ เป็นที่ทำงาน แต่ตัวบ้านจริงๆ จะอยู่ชั้นบนสุด

กัมปง แปลว่า ท่าเรือ ส่วน พลัวะ แปลว่า ช้าง หรือถ้ารวมเป็นไทยก็หมายความได้ว่า “ท่าช้าง” ประชาชนที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ประมง เนื่องจากพื้นที่ของชุมชนอยู่ติดกับทะเลสาบเขมร ถึงแม้ว่าฤดูแล้งของหมู่บ้านนี้จะอยู่ในช่วงเดือน ก.พ. – ก.ค. แต่ในช่วงที่เราไปเดือน ม.ค. ผมก็รู้สึกได้ถึงความแห้งแล้งของที่นี่แล้ว เพราะแม้แต่น้ำในลำคลองก็ดูตื่นเขินมาก ในระหว่างที่เรานั่งเรือชมหมู่บ้าน เพื่อออกไปยังทะเลสาบ

แต่ไกด์ของเราบอกว่า ถ้าเป็นช่วงน้ำสูง เราจะไม่เห็นพื้นดินเลย คลองที่เคยมีก็หายไป เพราะระดับน้ำขึ้นสูง 4 ถึง 5 เมตรเลยทีเดียว จากบ้านใต้ถุนสูงที่เราเห็น ก็จะกลายเป็นหมู่บ้านลอยน้ำขึ้นมาทันที ซึ่งถึงแม้ผมจะมีโอกาสมาที่นี่ 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นภาพนั้นสักที นั่นจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมบ้านที่นี่เค้าต้องมีใต้ถุนสูง 8 ถึง 10 กันเลยทีเดียว ถ้าคนเมืองส่วนใหญ่ต้องมีรถยนต์ส่วนตัว คนที่นี่ก็ต้องมีเรือเป็นพาหนะกันทุกหลัง



ร้านอาหารกลางทะเลสาบนอกจากจะขายอาหารแล้ว ยังมีสวนสัตว์เล็กๆ ให้ชม ส่วนสัตว์ที่มีให้ชมก็คือจรเข้ ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารขายนักท่องเที่ยว และยังมีกิจกรรมนั่งเรือพายเที่ยว ซึ่งคงจะน่าสนใจมากหากมาเวลาเย็นช่วงก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า คงจะได้วิวที่สวยงามมากๆ
สรุปการเดินทาง
ครั้งแรกที่ผมมาเสียมราฐ ผมไม่ค่อยรู้สึกประทับใจจนคิดว่าอยากกลับมาอีก แต่การมาปั่นจักรยานเที่ยวเสียมราฐในทริปนี้ มีหลายอย่างที่ถึงแม้ผมจะไปในที่เดิม แต่ได้รับความประทับใจใหม่ บนเส้นทางใหม่สู่สถานที่เก่า โรงแรมที่เราเข้าพักก็ถือว่าดีอย่างน่าประทับใจ ชื่อโรงแรม Lub-D ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนไทยเช่นกัน
ถึงแม้เสียมราฐจะมีความล้าหลังอยู่มาก แต่ด้วยความเป็นธรรมชาติและเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่า จึงทำให้ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ยิ่งได้มาเที่ยวด้วยจักรยานแล้ว มันยิ่งทำให้เราได้เห็นรายละเอียดของเมือง และผู้คนมากขึ้น ทั้งรอยยิ้มและความเป็นมิตรของผู้คน จึงถือได้ว่าการมาปั่นจักรยานที่เสียมราฐทำให้เราได้รับความประทับใจเกินความคาดหมายจริงๆ
สนับสนุนการเดินทาง