ถ้ามีจุดหมายที่จะไป เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ให้ได้ปั่นให้ได้เห็นความงดงามของธรรมชาติ และผู้คน ที่มีวัฒนธรรมและความเชื่อแตกต่างกันไป หลายครั้งที่ผมมีโอกาสปั่นจักรยานลงใต้ ก็มักจะมีเรื่องราวน่าประทับใจ ให้นำกลับเอามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังได้เสมอ ทั้งความงดงามของทิวทัศน์และผู้คน
ฝั่งอันดามัน
สำหรับการเดินทางของเราในครั้งนี้เป็นการปั่นจักรยานท่องเที่ยว 3 จังหวัด โดยเริ่มต้นจากบินไปลงจังหวัดตรัง จากนั้นปั่นไปพัทลุง และจบทริปที่สงขลา เรียกได้ว่าเป็นการปั่นจักรยานเที่ยว 4 วันที่อัดแน่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการเดินทาง Octo Cycling จึงจัดให้เราบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่จังหวัดตรัง และขากลับบินกลับจากหาดใหญ่ ไหนๆ ก็มาถึงเมืองตรังทั้งทีก็ต้องหาของดีของดังเมืองตรังกินให้สมใจ

ร้านล่อคุ้ง
หลังจากได้กระเป๋าสัมภาระจากสนามบินแล้ว เราก็ประกอบจักรยานเตรียมมุ่งหน้าสู่มื้ออาหารกลางวัน ที่ร้านล่อคุ้ง หนึ่งในร้านอาหารชื่อดังที่ไม่ควรพลาดหากมาเที่ยวเมืองตรัง ร้านอาหารจีนชื่อดังประจำอำเภอกันตัง มาร้านนี้ถ้าไม่สั่งราดหน้ากุ้งไซส์ยักษ์จานเปถือว่าผิด แต่เมนูที่ทำให้ผมติดใจอยากกลับไปที่นี่จริงๆ คือ ยำปูนิ่มทอดกรอบ ยอมรับว่าเมนูนี้เด็ดจริงๆ ตั้งแต่ตัวปูนิ่มที่ทอดได้กรอบอร่อย ไปจนถึงรสชาติของน้ำยำที่ทำออกมาได้ครบรสเข้ากันกับปูนิ่มทอดอย่างลงตัว ถ้ามีโอกาสมาทานข้าวที่ร้านล่อคุ้ง ไม่ควรพลาด

พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี
ห่างจากร้านล่อคุ้งไม่ไกล มีสถานที่แห่งหนึ่งที่หากมาถึงกันตังไม่ควรพลาดที่จะแวะไป นั่นคือพิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี หรือ จวนเก่าเจ้าเมืองตรัง อาคารไม้เก่าแก่หลังนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองตรัง เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พำนักของอดีตเจ้าเมือง ผู้สร้างความรุ่งเรืองไว้ให้กับประเทศมากมาย
ตัวอาคารเป็นบ้านไม้ทรงปั้นหยา สีฟ้าหม่น 2 ชั้น ภายในมีห้องต่างๆ แบ่งการใช้งานชัดเจน มีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งของพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดีไว้บริเวณกลางบ้าน และนอกจากนั้นยังมีข้าวของเครื่องใช้กระจายอยู่ในห้องต่างๆ อีกด้วย ตัวอาคารด้านนอกร่มรื่นไปด้วยเงาของต้นไม้น้อยใหญ่ ให้ความรู้สึกสงบร่มเย็น

สถานีรถไฟกันตัง สถานีสุดท้ายฝั่งอันดามัน
สถานีรถรถไฟกันตัง เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟไม่กี่แห่งที่ยังคงมีรูปแบบอาคารเก่าในสไตล์หลังคาทรงปั้นหยาผสมกับหลังคาแบบหน้าจั่ว บนอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าชั้นเดียว ทอดยาวขนานไปกับรางรถไฟที่ตัวอาคารยังดูใหม่และสมบูรณ์อยู่ ถึงแม้ว่าสถานีรถไฟแห่งนี้จะเปิดใช้มายาวนานกว่า 106 ปี (เปิดใช้ครั้งแรก 1 เมษายน 2456) แต่ถึงกระนั้นสถานีรถไฟแห่งนี้ก็ไม่ได้ดูเก่าและทรุดโทรมไปตามเวลาเลย หากแต่ยังคงมีสเน่ห์น่าดึงดูดให้เราเข้าไปเก็บภาพเพื่อความประทับใจได้ไม่รู้เบื่อ

ออกจากกันตัง มุ่งหน้าสู่ปากเมง
หนังจากเติมพลังที่ร้านล่อคุ้ง และแวะเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆ ในอำเภอกันตัง ก็ถึงเวลามุ่งหน้าสู่จุดหมายสุดท้ายในวันนี้ คือการปั่นจักรยานไปนอนที่หาดปากเมง หากจะให้นึกถึงชายหาดที่ชมแสงสุดท้ายสวยๆ สักแห่งในเมืองไทย หาดปากเมงก็ควรจะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ควรอยู่ในลิสนั้นด้วยแนวชายหาดที่เงียบสงบและทอดยาว มองออกไปในทะเลมีทิวเกาะน้อยใหญ่ให้ได้เห็น เป็นเอกลักษณ์หนึ่งของหาดแห่งนี้

เส้นทางที่เราปั่นจากเมืองกันตังมายังปากเมงก็ยังมีความร่มรื่นเงียบสงบและสวยงามมาก อีกทั้งยังมีถนนสายรองให้เราปั่นเลาะไปตามสวนยางทำให้ได้ถ่ายภาพมุมสวยๆ และแปลกตาตลอดเส้นทาง

หาดปากเมง
เราปั่นมาถึงปากเมงเป็นเวลาเย็นพอดี ได้เห็นวิวทะเลเต็มตาก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า สำหรับการมาที่หาดแห่งนี้นี่เป็นครั้งที่สอง บรรยากาศยามเย็นของหาดปากเมงยังคงสวยเช่นเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือวันนี้โชคดีที่ได้เห็นท้องฟ้าหลากสีก่อนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ทำให้ได้บันทึกภาพประทับใจมากมายในช่วงเวลาเย็น เราเลือกปากเมงรีสอร์ท เป็นที่พักสำหรับคืนแรกของทริป


เช้าวันใหม่ มุ่งหน้าไป เขาพับผ้า
หลังจากนอนเต็มอิ่ม เช้าวันใหม่ก็เริ่มขึ้น วันนี้จุดหมายของเราค่อนข้างจะไกล เพราะต้องปั่นจักรยานจากปากเมง ขึ้นไปนอนบนเขาพับผ้า ระยะทางแบบไปด้วยจักรยานก็ราวๆ 80 กว่ากิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นวันที่ท้าทายไม่ใช่น้อย แต่ว่าเส้นทางท่องเที่ยวในสไลต์ Octo Cycling ก็จะเน้นวิวไม่เน้นไว และมักจะมีเส้นทางลัดเลาะในแบบที่สร้างความแปลกใจไม่น่าเบื่อให้เราได้เสมอ

นาหมื่นศรี
ผมมีโอกาสเดินทางมาที่นาหมื่นศรีถึงสองครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ระยะเวลาห่างกันประมาณ 5 เดือน จากสถานที่ที่มีเพิงเล็กๆ ริมทาง มีวิวเขา วิวนา ให้ดูตอนนั้นก็รู้สึกว่าสวยงามมากแล้ว แต่พอได้กลับมาอีกครั้ง เหมือนว่าที่นี่จะกลายเป็นอีกสถานที่ดังของจังหวัดตรังไปในเวลาอันรวดเร็ว เพราะจากถนนที่เคยมองเห็นคูน้ำเล็กๆ ตอนนี้มีดอกไม้สีเหลืองสะพรั่งปลูกยาวตลอดแนว มีร้านอาหารใหญ่ๆ เกิดขึ้นหลายร้านสองฝั่งถนน ผู้คนเดินทางแวะมาชื่นชมทิวทัศน์ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันมากขึ้นเรื่อยๆ


ขึ้นเขาพับผ้า
หลังจากรับประทานอาหารจนอิ่มท้อง และเก็บเกี่ยวบรรยากาศดีๆ ที่นาหมื่นศรีมาอย่างเต็มปอด ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการปั่นจักรยานกรำแดดมาค่อนข้างไกลได้พักผ่อนเต็มที่ เราก็พร้อมที่จะมุ่งหน้าสู่เขตแดนสุดท้ายของเมืองตรังนั่นคือเขาพับผ้า ซึ่งอีกฟากหนึ่งของภูเขาลูกนี้คือเขตจังหวัดพัทลุง ถึงแม้ระยะทางจากนาหมื่นศรีสู่เขาพับผ้านั้น จะเหลืออีกประมาณ 20 กิโลเมตร แต่ช่วงสุดท้ายของเราก่อนจะถึงที่พักคือการปั่นขึ้นสู่ยอดเขาที่พับไปมา ซึ่งก็เป็นความท้าทายแรงกายที่เหลืออยู่ของเราไม่ใช่น้อย

นอนนี่นะ เขาพับผ้ารีสอร์ท
ผมชอบนะเส้นทางเขาพับผ้า ชอบที่มีไหล่ทางกว้างๆ ผิวถนนดีมาก พร้อมกับมีเส้นสีฟ้าขีดให้ชัดเจนว่านี่คือเลนจักรยานนะ ทำให้พวกเราปั่นขึ้นเขาลูกนี้ได้อย่างรู้สึกสบายใจ ถึงแม้จะเป็นเส้นทางที่มีรถวิ่งไปมาค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังให้ความรู้สึกปลอดภัยไม่ใช่น้อย ที่พักของคืนนี้คือ เขาพับผ้ารีสอร์ท ถือได้ว่าเป็นรีสอร์ทใหญ่มีห้องพักเยอะพอสมควร ที่สำคัญมีความเก๋ไก๋อยู่ที่สะพานลอยฟ้า ที่พาเราเดินจากห้องพักไปสู่ร้านอาหารได้พร้อมกับการชมวิวไปด้วย

สรุปการเดินทาง
ผ่านไป 2 วันกับ 1 ทะเลที่เราได้เห็น นับว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางดีๆ ที่ได้มาปั่นจักรยานที่นี่ จะมากี่ครั้งตรังก็ยังคงเป็นเมืองที่น่ารักน่ากลับมาเที่ยวอยู่เสมอ ด้วยความสวยงามตามธรรมชาติของแต่ละสถานที่ที่เราได้ไป รวมถึงอัธยาศัยของผู้คน หรือแม้แต่น้ำใจบนถนน ทำให้คนที่นี่งดงามไม่แพ้กับวิวของสถานที่ที่เราได้ไปเลย
สนับสนุนการเดินทางโดย