ถ้าคุณมีวันหยุดสุดสัปดาห์สั้นๆ และอยากใช้วันพักผ่อนให้คุ้มค่า ใช้เวลาหาที่เที่ยวหย่อนใจคลายความเครียด แบบเดินทางไม่ไกล มีวิธีเดินทางไปได้หลากหลาย ผมขอแนะนำให้คุณลองใส่ ตลาดเก่าหัวตะเข้ ไว้ในปฏิทินพักผ่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ของคุณดูสักวัน

การเดินทางสู่ ตลาดเก่าหัวตะเข้
ตลาดเก่าหัวตะเข้ ตั้งอยู่ริมคลองประเวศบุรีรมย์ ห่างจากสถานีรถไฟหัวตะเข้ประมาณ 1.3 กิโลเมตร และสามารถเดินทางมาจากถนนลาดกระบังได้โดยเข้าที่ซอยลาดกระบัง 17 ซึ่งมีบริการทั้งรถสองแถวและวินมอเตอร์ไซค์ให้เลือกใช้บริการ
เอาเท้าแช่น้ำ ตามหาของอร่อยที่ ตลาดเก่าหัวตะเข้
ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาหลายคนอาจวางแผนเดินทางออกนอกกรุงเทพฯ แต่สำหรับคนไม่ชอบแย่งกินแย่งเที่ยวแบบผมจึงมีความสุขกับการอยู่เมืองกรุง ในช่วงเทศกาลหยุดยาว ซึ่งถนนในเมืองส่วนใหญ่จะโล่งและสงบพอสมควร ผนวกกับมีเพื่อนบ่นว่าอยากปั่นจักรยานเล่นก่อนหมดวันหยุดยาว เอาแบบเบาๆ ชิลๆ ชื่อตลาดเก่าหัวตะเข้ ก็ผุดขึ้นมาในใจผมขึ้นทันใด


ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะพับจักรยานขึ้นรถไฟไปลงสถานีหัวตะเข้เลย เพราะงานนี้ไม่ได้ตั้งใจจะเน้นปั่นเพียงแต่ใช้จักรยานเป็นพาหนะ นั่งรถไฟฟรี ถึงสถานีก็ปั่นไป แต่ปรากฏว่าเพื่อนมาช้าจนพลาดรถไฟขบวน 8 โมงเช้าที่เรานัดกันที่สถานีแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์รามคำแหง ซึ่งเป็นสถานีย่อยสำหรับรถไฟสายธรรมดา เราเลยใช้แผนสำรองที่สองคือพับจักรยานขึ้นแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ ไปลงสถานีมักกะสันแทน ค่ารถไฟคนละ 25 บาท ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงที่หมาย พอลงจากสถานีได้เราก็เห็นเส้นทางจักรยานใหม่เอี่ยมรอการเปิดซิงอยู่ข้างสถานี เราไม่รอช้าคว้าจักรยานออกมากาง และออกเดินทางทันที โดยมี Google Maps เป็นผู้ชี้นำ
เส้นทางจักรยานเลียบมอเตอร์เวย์
เส้นทางจักรยานเลียบมอเตอร์เวย์นี้เป็นเส้นทางจักรยาน ที่สร้างบนทางเท้า ที่เหมือนเอากระเบื่องมาวางแล้วทาสีเขียวทับ หรือไม่ก็ฉาบหน้าด้วยซีเมนต์ก่อน พื้นผิวส่วนใหญ่จึงไม่เรียบเหมือนกับพื้นผิวถนน แต่ที่น่าแปลกคือจุดที่อยู่ย่านชุมชนจะค่อนข้างสกปรกและมีเศษแก้วหลายจุดพอสมควร ส่วนถนนที่ห่างจากชุมชนจะค่อนข้างสะอาดและไม่พบเศษแก้วเลย
มีบางช่วงของเส้นทางสวยแปลกตาอย่างเช่นบริเวณสะพานข้ามทางรถไฟโกดังสินค้า เลยมาอีกนิดจะเป็นสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง ซึ่งจะมีทางเข้าพาทะลุไปออกถนนลาดกระบังได้ เมื่อออกสู่ถนนลาดกระบังปั่นต่อไปอีกไม่ไกลก็จะพบกับซอยลาดกระบัง 17 เข้าไปสุดซอยเจอสามแยกแล้วเลี้ยวซ้าย ก็จะพบกับสะพานข้ามคลอง (เลี้ยวขวาจะเป็นลานจอดรถ) ที่เมื่อข้ามไปแล้วก็จะพบกับตลาดเก่าหัวตะเข้ ระยะทางปั่นจาก Airport Rail Link ลาดกระบัง มาถึงตลาดก็ราวๆ 6 กิโลเมตร
ตลาดเก่าหัวตะเข้
ตลาดเก่าหัวตะเข้ อาจไม่ดูสวยงามหวือหวา หน้าตาไฮโซเหมือนตลาดน้ำดังๆ ทั่วไป เพราะที่นี่น่าจะเป็นตลาดเก่าที่เก่าด้วยอายุการใช้งานจริง ไม่ใช่ตลาดเพิ่งสร้างใหม่แล้วตั้งชื่อว่าตลาดเก่า เพราะดูจากสภาพร้านค้า อาคาร บ้านเรือน ก็บอกได้ถึงความเก่าแก่ที่อยู่กันมาแต่เนิ่นนาน
ทันทีที่ข้ามสะพานปูนแคบสูงชัน ก็พลันได้กลิ่นความเก่าของตลาด ในบรรยากาศตลาดริมคลองขึ้นมาทันที สะพานปูนที่ปั่นจักรยานข้ามคงดูอันตรายเราเลยใช้วิธีจูงข้าม มีแต่มอเตอร์ไซด์ที่ข้ามไปข้ามมาอยู่เนืองๆ แบบที่ว่าก่อนจะไปต้องดูก่อนว่าฝั่งตรงข้ามมีใครขึ้นมาไหม เพราะมันแคบแบบที่สวนกันไม่ได้เลยทีเดียว
ร้านค้าที่เปิดขายก็หลากหลายสินค้า แต่ว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าแบบค้าขายใช้กันในชุมชน ไม่ได้มีสินค้าหวือหวาเหมือนตลาดน้ำ ตลาดเก่าทั่วไป วันที่ผมไปไม่ใช่เสาร์ อาทิตย์ หลายร้านเลยปิดให้บริการ ซึ่งถ้ามาเสาร์อาทิตย์คาดว่าคนจะหนาตากว่านี้มาก
จริงๆ แล้วตอนที่มาถึง ตรงตีนสะพานจะมีท่าเป็นลานกว้าง น่านั่งรับลม ผมและเพื่อนถอนรองเท้า จอดจักรยาน และนั่งเอาเท้าแช่น้ำ ชมบรรยากาศของลำคลองอยู่นานสองนาน ก่อนที่ความรู้สึกจะบอกเราว่า ได้เวลาหาอะไรทานกันแล้ว เราเดินเรื่อยไปจนเกือบสุดตรอก และสะดุดหยุดลงที่ร้าน ณ ลาดกระบัง ร้านคาเฟ่ เก๋ๆ ที่อยู่ตรงหัวมุม ตกแต่งร้านในแบบร่วมสมัย มีเก้าอี้หลากหลายให้เรานั่ง เราโชคดีที่มาวันธรรดา ถ้ามาวันหยุดคงไม่ชิลล์เท่านี้ เพราะคาดว่าคงจะมีคนต่อแถวกันยาว
ณ ลาดกระบัง
ร้านนี้ขายทั้งของคาว หวาน และมีบริการเครื่องดื่มหลากหลาย เลือกดื่มชิมได้ตามสไตล์ที่ชอบ ข้างๆ กันก็มีร้านอาหารวิวสวย ที่มองเห็นสี่แยกของคลองประเวศบุรีรมย์พอดี มีมุมเก๋ๆ ให้เลือกนั่ง ทานอาหารเสพบรรยากาศกันอย่างสบายใจ
ถ้าเดินผ่านร้านนี้ไปจะมีสะพานไม้ข้ามคลอง ซึ่งจะมองเห็นกำแพงที่เต็มไปด้วยภาพสตรีทอาร์ทเก๋ๆ มากมาย หลายภาพตลอดแนวกำแพง
แล้วจะมาใหม่นะ
ตอนขากลับเราอยากนั่งรถไฟฟรี ที่สถานีรถไฟหัวตะเข้กลับกัน เลยปั่นจักรยานซอกแซกลัดเลาะตามชุมชน จนออกถนนใหญ่ผ่านเส้นทางข้างโรงเรียนพรตพิทยพยัต ซึ่งเป็นเส้นทางที่ร่มรื่นและสวยงามมากๆ
ออกจากโรงเรียนไม่กี่เมตรก็เห็นสถานีรถไฟหัวตะเข้ เราเช็ครอบรถไฟใช้เวลารอแค่ไม่ถึง 20 นาที เลยไปขอตั๋วโดยสารฟรีจากเจ้าหน้าที่ จนเมื่อรถไฟมาถึงก็พากันแทรกตัวขึ้นไปในตู้ขบวนสุดท้ายซึ่งวันนี้มีคนมากพอสมควร เรากะว่าถ้าแน่นก็นี้ก็จะปั่นกลับกัน แต่วันนั้นเราก็ได้นั่งรถไฟกลับบ้านสมใจ รู้สึกสนุกผ่อนคลายไปกับการท่องเที่ยวโดยมีจักรยานเป็นพาหนะ แบบที่ไม่ต้องทรมานบันเทิง และนี่คงเป็นอีกหนึ่งสเน่ห์ของการเดินทาง ที่รู้จักเลือกใช้พาหนะร่วมการเดินทาง ในวันว่างๆ แบบสุดคุ้ม